สุขภาพจิตเป็นสิ่งสำคัญที่เราควรเอาใจใส่ไม่น้อยไปกว่าการดูแลสุขภาพร่างกาย ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตประจำวัน ความเครียด ความวิตกกังวล รวมไปถึงปัจจัยต่างๆ อาจทำให้เกิดโรคซึมเศร้า ที่ควรรีบเข้ารับการรักษาจากจิตแพทย์ ทั้งนี้ ยังมีอาการทางจิตอย่างซึมเศร้าซ่อนเร้นที่มักไม่แสดงอาการชัดเจนซึ่งอาจทำให้หลายคนป่วยโดยไม่รู้ตัว
วันนี้ Zenbio จะพามาทำความรู้จักโรคซึมเศร้าซ่อนเร้นว่าคืออะไร มีอาการแบบใด และต่างจากโรคซึมเศร้าอย่างไร พร้อมตอบคำถามว่าโพรไบโอติกช่วยลดซึมเศร้าได้หรือไม่
โรคซึมเศร้าซ่อนเร้น คืออะไร
ตามคำจำกัดความของสมาคมจิตวิทยาอเมริกัน (APA: American Psychological Association) โรคซึมเศร้าซ่อนเร้น Masked Depression ปัจจุบันใช้ชื่อทางการแพทย์ว่า Somatic Symptoms Depression (SSD) หรือโรคโซโมโตฟอร์ม (Somatoform Disorder) คือ ภาวะที่ผู้ป่วยซึมเศร้าไม่แสดงอาการทางจิตใจชัดเจน แต่กลับแสดงอาการทางกายมากกว่า เช่น ปวดศีรษะ ปวดหลัง ไม่มีสมาธิ เหนื่อยล้า ทำให้หลายคนมักเข้าใจผิดว่าเป็นภาวะบาดเจ็บทางกายเท่านั้น[1] [2]
อาการทางกายของผู้ป่วยซึมเศร้าซ่อนเร้น[3]
- ปวดกล้ามเนื้อบริเวณต่างๆ เช่น หลัง ปวดตามข้อต่อ และปวดหัวเรื้อรัง
- มักมีปัญหาในระบบทางเดินอาหาร ปวดท้องบ่อย ไม่ทราบสาเหตุ
- หัวใจเต้นเร็ว หรือใจสั่น อาจมีอาการแทรกซ้อนจากโรคตื่นตระหนก (Panic Disorder)
- เหนื่อยล้า หรือรู้สึกไม่ค่อยมีพลังงาน
- มีปัญหาในการนอนหลับ
อาการทางพฤติกรรมของผู้ป่วยซึมเศร้าซ่อนเร้น[3]
ผู้เป็นโรคซึมเศร้าซ่อนเร้นอาจมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปร่วมด้วย เช่น
- ไม่มีสมาธิ มีปัญหาในการจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นเวลานาน
- เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
- มีพฤติกรรมถอนตัวจากสังคม หากเป็นเด็กจะไม่อยากไปโรงเรียน ส่วนผู้ใหญ่มักจะไม่อยากไปทำงาน
- มีพฤติกรรมย้ำคิดย้ำทำ หรือเป็น Perfectionist ทำทุกอย่างให้สมบูรณ์ เพื่อกลบความกังวลและความรู้สึกไม่มั่นคงในจิตใจ
ความแตกต่างระหว่างโรคซึมเศร้าซ่อนเร้นและโรคซึมเศร้า[1] [2] [4] [5]
อาการ | โรคซึมเศร้าซ่อนเร้น | โรคซึมเศร้า |
อาการทางร่างกาย | • ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหัวเรื้อรัง • ปวดท้องบ่อย ไม่ทราบสาเหตุ แต่มีความอยากอาหารปกติ • หัวใจเต้นเร็ว หรือใจสั่น บ่อย • เหนื่อยล้า หรือรู้สึกไม่ค่อยมีพลังงาน | • ไม่หิว ไม่รู้สึกอยากอาหาร • มีปัญหาในระบบทางเดินอาหาร • เหนื่อยล้า หรือรู้สึกไม่ค่อยมีพลังงาน ไม่มีเรี่ยวแรงทำอะไร |
อาการทางจิต | • มีปัญหาในการนอนหลับ • ย้ำคิดย้ำทำ • รู้สึกเครียดตลอดเวลา | • มีปัญหาในการนอนหลับ • รู้สึกท้อแท้ ผิดหวัง ไร้ค่า • อารมณ์ไม่มั่นคง • คิดลบคิดในแง่ร้ายตลอดเวลา • มีปัญหาทางด้านความจำ หลงๆ ลืมๆ จำอะไรไม่ค่อยได้ |
พฤติกรรมที่แสดงออก | • สามารถทำงานได้ตามปกติ รับผิดชอบงานได้ • มีพฤติกรรมถอนตัวจากสังคม ไม่พูดคุยกับใคร • ไม่มีสมาธิ จดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ได้ • เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ | • ไม่สามารถรับผิดชอบต่อหน้าที่การงาน ครอบครัว หรือตนเองได้เลย • ซึมตลอดเวลา ไม่ร่าเริงเลย • ไม่มีสมาธิ • เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ • มีพฤติกรรมถอนตัวจากสังคม ไม่พูดคุยกับใคร และไม่อยากพบเจอใครเลย • ทำร้ายตนเอง ไม่อยากมีชีวิตอยู่ |
โดยทั้งสองภาวะนั้นมีอาการคล้ายกัน คือ อาการปวดกล้ามเนื้อ มีปัญหาในระบบทางเดินอาหาร ไม่มีสมาธิ เหนื่อยล้า หรือรู้สึกไม่ค่อยมีพลังงาน หากละเลยอาการซึมเศร้าซ่อนเร้นเป็นเวลานาน ไม่เข้ารับการรักษาหรือหาวิธีช่วยลดภาวะซึมเศร้า สามารถส่งผลให้ความเครียดสะสมมากขึ้น ขาดความมั่นคงทางอารมณ์ ขาดความมั่นใจในตนเอง และนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าในระดับที่อันตรายได้ ซึ่งการรับรู้ที่ช้าเกินไปอาจส่งผลต่อชีวิตและระยะเวลาการรักษาได้
โพรไบโอติกช่วยลดซึมเศร้าได้อย่างไร?
หลายคนอาจทราบดีว่า โพรไบโอติก หมายถึง จุลินทรีย์ดีที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกาย และอาศัยอยู่ในระบบทางเดินอาหารเป็นส่วนใหญ่ แต่แล้วการเพิ่มโพรไบโอติกที่ดีในลำไส้ สามารถช่วยลดภาวะซึมเศร้าได้อย่างไร อันดับแรก เราต้องมาศึกษาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างลำไส้กับสมอง หรือ Gut-Brain Axis
ความสัมพันธ์น่าทึ่งระหว่างลำไส้และสมอง (Gut-Brain Axis)[6]
สมอง (Brain) คือ อวัยวะสำคัญที่ทำหน้าที่ควบคุมส่วนต่างๆ ของร่างกาย ทั้งการเคลื่อนไหว พฤติกรรม อารมณ์ความรู้สึก รวมไปถึงรักษาสมดุลต่างๆ ภายในร่างกาย แต่ในร่างกายของเรายังมีอวัยวะอย่าง ลำไส้ ที่ทำงานด้วยตัวของมันเอง โดยไม่พึ่งพาการสั่งการของสมอง แต่อวัยวะทั้งสองส่วนนี้ยังคงมีการติดต่อสื่อสารซึ่งกันและกันอยู่
การติดต่อสื่อสารกันระหว่างสมองและลำไส้ หรือ Gut-Brain Axis นั้นมีระบบประสาทที่เกี่ยวข้อง ได้แก่
- ระบบประสาทส่วนกลาง (Central Nervous System: CNS) – ระบบประสาทหลักของร่างกายที่ประกอบด้วยสมองและไขสันหลัง[7]
- ระบบประสาทลำไส้ (Enteric Nervous System: ENS) – คือ ระบบประสาทที่มีหน้าที่ควบคุมระบบทางเดินอาหารตั้งแต่หลอดอาหารไปจนถึงรูทวาร[8] โดยนับเป็นส่วนหนึ่งของระบบประสาทอัตโนมัติ (Autonomic Nervous System: ANS)[9] ระบบประสาทลำไส้ดังกล่าวมีหน้าที่ควบคุมการทำงานของระบบทางเดินอาหารทั้งหมดให้เป็นปกติ ตั้งแต่การไหลเวียนเลือดในลำไส้ การหลั่งสารต่างๆ การตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้น เช่น อาหาร เครื่องดื่ม และยา ควบคุมกล้ามเนื้อต่างๆ ในการเคลื่อนไหวและการบีบตัว รวมไปถึงการควบคุมสมดุลของการเจริญเติบโตของเชื้อโรคประจำถิ่นในระบบลำไส้ (Gut Microbiota)[10]
โดยระบบประสาททั้ง 2 มีการสื่อสาร แลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน ส่งผลซึ่งกันและกัน เช่น เมื่อเรารู้สึกเครียดหรือตื่นเต้นมากๆ อาจส่งผลให้ท้องไส้ปั่นป่วน ท้องผูกหรือท้องเสีย ในทางกลับกัน เมื่อเราทานอาหารอร่อย ลำไส้เล็กก็จะผลิตโดพามีน (Dopamine) สารสื่อประสาทไปยังสมอง ทำให้เรารู้สึกมีความสุข เป็นต้น พูดง่ายๆ ว่าการทำงานของลำไส้มีผลต่อสมอง ส่วนการทำงานของสมองก็มีผลต่อลำไส้ เมื่อมีสุขภาพลำไส้ที่ดีก็จะส่งผลให้อารมณ์ดีด้วยนั่นเอง[11]
ไซโคไบโอติกช่วยลดภาวะซึมเศร้า
ในปัจจุบันมีงานวิจจัยและการศึกษามากมายที่ระบุว่าการรับประทานโพรไบโอติกส่งผลดีต่อสุขภาพจิต มีผลช่วยลดความเครียด ลดระดับคอร์ติซอล (Cortisol) หรือฮอร์โมนความเครียด[12] จึงเกิดเป็นคำศัพท์ใหม่ คือ ไซโคไบโอติก (Psychobiotics)
ไซโคไบโอติก (Psychobiotics) ไม่ได้บ่งบอกถึงสายพันธุ์เฉพาะของโพรไบโอติก แต่หมายถึงกลุ่มโพรไบโอติกที่มีส่วนช่วยในการช่วยส่งเสริมสุขภาพจิตอีกด้วย
- ในปี 2011 วารสาร British Journal of Nutrition ได้เผยแพร่ผลการทดลองว่าในกลุ่มอาสาสมัครที่ได้รับโพรไบโอติกสายพันธุ์ L. helveticus และ B. longum มีภาวะเครียดน้อยกว่า รวมถึงมีระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลน้อยลงเมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่รับประทาน[13]
- อีกการศึกษาหนึ่งระบุว่าในกลุ่มทดลองที่ได้รับโพรไบโอติกในจำนวน 8 Strains ที่แตกต่างกัน มีอาการซึมเศร้าน้อยลง[14]
นอกจากนี้ นักวิจัยยังเชื่อว่าโพรไบโอติกนั้นมีผลต่อการทำงานของ Gut-Brain Axis อีกด้วย[15] เช่น
- ช่วยเพิ่มจำนวนเซลล์สื่อประสาท (Neurotransmitters) ซึ่งส่งผลต่อความอยากอาหาร อารมณ์ และการนอนหลับให้เป็นปกติ
- ลดการอักเสบของร่างกาย (Inflammation) ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับภาวะซึมเศร้า[16]
- ส่งผลต่อ Cognitive function ช่วยให้ร่างกายรับมือกับความเครียดได้ดี
- ส่งผลต่อประสิทธิภาพของ Enterochromaffin cells เป็นเซลล์ในระบบทางเดินอาหาร ทำหน้าที่สร้างสารสื่อประสาทที่ชื่อว่า เซโรโทนิน (Serotonin) ช่วยให้สุขภาพจิตดี อารมณ์ดี มีสมาธิ และมีผลต่อการขับถ่ายและการเคลื่อนตัวของลำไส้[17] [18]
สุดท้ายนี้ โพรไบโอติกนั้นไม่ได้มีส่วนช่วยแค่สุขภาพจิตและช่วยลดอาการซึมเศร้า แต่ยังมีประโยชน์ต่อระบบทางเดินอาหาร ช่วยย่อย ดูดซึมสารอาหาร อีกทั้งยังส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง (เพราะระบบภูมิคุ้มกันร่างกายประมาณ 70-80% อยู่ที่ระบบทางเดินอาหาร[19]) ซึ่งเราสามารถรับประทานอาหารที่มีจำนวนโพรไบโอติกสูงอย่าง โยเกิร์ต นมเปรี้ยว ชีสบางชนิด ผักดองอย่างกิมจิ หรือทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโพรไบโอติก เพื่อเพิ่มจำนวนจุลินทรีย์ดีให้กับร่างกาย และต้องไม่ลืมที่จะออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทำกิจกรรมช่วยผ่อนคลาย เพียงเท่านี้ก็จะห่างไกลจากซึมเศร้าซ่อนเร้นแล้ว
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโพรไบโอติก ที่มีสายพันธุ์เฉพาะ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส เอชเอ็น019 (Bifidobacterium Lactis HN019) ได้ที่ลิงค์นี้
www.zenbiohealth.com/th/pro-bl8-th-โพรไบโอติก
อ้างอิง
[1] [2] [3] [4] [5] [6] [7] [8] [9] [10] [11] [12] [13] [14] [15] [16] [17] [18] [19]