รายละเอียดบทความ

แนะนำ 10 กิจกรรมออกกำลังกาย ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ในเด็กและผู้ใหญ่

ตุลาคม 30, 2023

แชร์ไปยังโซเชียลมีเดีย:

ออกกำลังกายเพิ่มภูมิคุ้มกัน มีอะไรบ้าง

เมื่อมีเชื้อโรคหรือไวรัสเข้าสู่ร่างกาย ระบบภูมิคุ้มกันจะหลั่งสารที่เรียกว่าแอนติเจน (Antigen)[1] ออกมา ซึ่งเป็นสารที่ไปกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว เพื่อต่อสู้กับเชื้อโรคที่เข้ามารุกรานร่างกาย อย่างไรก็ตาม ในเด็กเล็กและคนสูงอายุที่ระบบภูมิกันไม่แข็งแรง และผู้ที่มีปัญหาสขุภาพ[2] คนชราที่ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงตามอายุขัย[3] และผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ[4] เช่น ภาวะขาดสารอาหาร ภาวะเครียดเรื้อรัง รวมไปถึงการใช้ยาบางชนิด ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันไม่สามารถทำงานได้ดีเท่าที่ควร กลุ่มคนเหล่านี้จึงมีโอกาสป่วยง่ายได้กว่าปกติ

การเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกายสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่, การทานอาหารเสริม, การออกกำลังกาย, การเลี่ยงพฤติกรรมหรือการบริโภคอาหารที่ไม่ดีทำให้ร่างกายอ่อนแอลง สำหรับวันนี้ Zenbio จะมาเจาะลึกหนึ่งในวิธีการที่จะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายคือ การออกกำลังกาย[5] โดย Zenbio ขอแนะนำ 10 กิจกรรมออกกำลังกาย ที่สามารถทำร่วมกันได้ระหว่างพ่อ แม่ และลูก ซึ่งจะช่วยให้ทั้งครอบครัวได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง

กิจกรรมออกกำลังกายช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน มีอะไรบ้าง

10 รูปแบบกีฬาเพิ่มภูมิคุ้มกันและความแข็งแรงของร่างกาย ที่ออกกำลังกายได้ทั้งพ่อ แม่ และลูก

1.แบดมินตัน

กีฬาแบดมินตันเป็นกีฬาที่อาศัยอุปกรณ์หลักอยู่ 2 อย่าง คือ ไม้แบดมินตัน และลูกขนไก่ อันเป็นอุปกรณ์กีฬาที่สามารถหาซื้อได้ไม่ยากและมีราคาเริ่มต้นไม่สูงจนเกินไป ในยามว่างสามารถเล่นบริเวณสนามหน้าบ้าน พื้นที่ส่วนกลางของหมู่บ้าน หรือคอร์ตแบดมินตันแบบให้เช่า ช่วยให้คุณพ่อ คุณแม่ และลูกได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างสนุกสนาน

กีฬาแบดมินตันจะช่วยให้ร่างกายได้เคลื่อนไหวอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเดิน วิ่ง หรือกระโดด จากงานวิจัยพบว่าแบดมินตันมีประโยชน์ต่อสุขภายทั้งร่างกายและจิตใจ[6]

ประโยชน์ต่อร่างกายประโยชน์ต่อสุขภาพจิต
เพิ่มความแข็งแรงของหัวใจเพิ่มสมาธิให้จิตใจ
เพิ่มความแข็งแรงของปอดและความจุอากาศเพิ่มไหวพริบในการแก้ไขสถานณการณ์[7]
ทำให้กล้ามเนื้อและข้อต่อกระดูกแข็งแรงและยืดหยุ่นเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดอาการซึมเศร้า
เป็นกีฬาที่ช่วยลดน้ำหนักได้ดี
เผาพลาญถึง 480 แคลอรี่ต่อ 1 ชั่วโมง[8]
พัฒนาตนเองและการควบคุมอารมณ์
เพิ่มความเร็วในการเคลื่อนไหวของร่างกายเพิ่มความสัมพันธ์กับทางสังคม

2.ว่ายน้ำ

การว่ายน้ำช่วยคลายร้อน และทำให้รู้สึกสดชื่น[9] แต่นอกเหนือจากนั้น การว่ายน้ำช่วยให้กล้ามเนื้อเกือบทุกส่วนในร่างกายได้ทำงาน[10] ซึ่งเป็นกีฬาที่สามารถทำร่วมกันได้ระหว่างคุณพ่อ คุณแม่ และคุณลูกได้ดี

โดยถือเป็นโอกาสที่คุณพ่อและคุณแม่จะได้ฝึกลูกน้อยให้หัดว่ายน้ำได้ด้วย ซึ่งทักษะการว่ายน้ำเป็นทักษะที่ติดตัวไปตลอดชีวิต หากพลัดตกสระน้ำ หรือแหล่งน้ำต่างๆ คุณลูกจะสามารถเอาชีวิตรอดได้ เพราะภัยระหว่างเด็กกับน้ำ เป็นภัยที่คุณพ่อและคุณแม่ต้องพึงระวังอยู่เสมอ เนื่องจากมีเด็กจำนวนมากเสียชีวิตจากการจมน้ำ ยกตัวอย่างข้อมูลจากศูนย์ควบคุมโรคติดต่อแห่งสหรัฐอเมริกาชี้ว่า ในประเทศสหรัฐฯ มีเด็กเสียชีวิตจากการจมน้ำถึง 11 คนต่อวัน[11]

ประโยชน์ของการว่ายน้ำมีหลายด้านหลักๆ จะเน้นไปทาง สุขภาพหัวใจอัตราการเต้นของหัวใจ เพิ่มสมรรถของปอด และการประสานงานอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย[12]

3.วิ่ง

การวิ่งเพียง 10 นาที ก็สามารถช่วยลดโอกาสเกิดโรคเกี่ยวกับหัวใจได้ หาก 10 นาที นั้นถูกใช้ไปกับการวิ่ง[13] ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งบนลู่วิ่ง วิ่งในสวนสาธารณะ หรือวิ่งมาราธอนในเส้นทางธรรมชาติ อีกทั้งการวิ่งยังเป็นกิจกรรมที่สามารถทำร่วมกันได้ระหว่างคุณพ่อ คุณแม่ และคุณลูก ช่วยให้ใช้เวลาร่วมกันในครอบครัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การวิ่งในเส้นทางธรรมชาติเป็นการสร้างประสบการณ์วัยเด็กเชิงบวกเกี่ยวกับการออกกำลังกายให้ลูกน้อยอย่างดี แต่มีข้อควรระวังในการวิ่งควรทำให้ถูกหลักวิธีของการวิ่งที่ปรับตามให้เหมาะสมกับวัยเพื่อลดผลกระทบหรือการบาดเจ็บหากทำผิดวิธี ดังนั้นหากในฐานะพ่อแม่หรือตัวเราเองควรศึกษาวิธีการวิ่งอย่างถูกต้อง เช่น เอนตัวไปข้างหน้าขณะวิ่ง, ไม่ยกเข่าสูงเกินไป, ไม่ลงน้ำหนักที่กลางฝ่าเท้าหรือลงน้ำหนักที่เท้าแรงเกินไป[14] 

การวิ่งยังถือว่าเป็นการออกกำลังกายที่ประหยัดและเริ่มต้นได้ง่ายที่สุด สามารถเริ่มทำได้ทันที ที่สำคัญได้ประโยชน์ต่อร่างกายหลายด้านมากๆ จากงานวิจัยการวิ่งช่วยเสริมสุขภาพ ดังนี้

  • ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจให้แข็งแรง
  • ช่วยให้หลับง่ายขึ้น การวิ่งจะช่วยหลั่งสารเอ็นโดรฟินจากสมองซึ่งเป็นฮอร์โมนช่วยลดความเครียดและความเจ็บป่วยของร่างกาย
  • เพิ่มความแข็งแรงของเข่าและหลัง (แต่ท่าวิ่งควรถูกต้องและไม่วิ่งเยอะเกินไป)
  • กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย จากงานวิจัย การวิ่งเป็นเวลา 30 นาทีอย่างน้อย 5 วันต่อสัปดาห์ จะลดโอกาสการเป็นหวัดหรือการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนลงได้ถึง 43%[13]
กิจกรรมปั่นจักรยาน

4.ปั่นจักรยาน

หากพูดถึงกีฬาที่ช่วยให้เผาผลาญพลังงานได้เยอะ ก็ต้องพูดถึงการปั่นจักรยาน เพราะการปั่นจักรยาน 1 ชั่วโมง สามารถเผาผลาญพลังงานได้ถึง 300 แคลอรี่[15] อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างทักษะการทรงตัวให้กับลูกน้อยได้อีกด้วย ซึ่งการปั่นจักรยานในปัจจุบันสามารถทำได้ทั้งในฟิตเนส และในพื้นที่กลางแจ้งอย่างสวนหน้าบ้าน พื้นที่ส่วนกลางของหมู่บ้านสำหรับปั่นจักรยาน ไปจนถึงสวนสาธารณะต่างๆ

โดยการปั่นจักรยานในพื้นที่กลางแจ้งมีข้อดี คือ ได้สัมผัสกับลมเย็นและอากาศบริสุทธิ์ระหว่างที่ปั่นจักรยาน และคุณพ่อกับคุณแม่สามารถถือโอกาสสอนคุณลูกเกี่ยวกับกฎจราจรพื้นฐานไปในตัวได้ด้วย อีกทั้งยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพนอกจากการเผาพลาญแคลอรี่ เช่น เพิ่มสมรรถภาพหัวใจและหลอดเลือด, เพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ, ปรับปรุงการเคลื่อนไหวของข้อต่อ, ลดระดับความเครียดลง, กระดูกแข็งแรงขึ้น และเพิ่มภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงในการจัดการโรค[15]

5.กอล์ฟ

กอล์ฟถือเป็นกีฬาที่ไม่ต้องอาศัยแรงและการเคลื่อนไหวร่างกายมากนัก เมื่อเทียบกับฟุตบอล หรือบาสเกตบอล แต่การตีกอล์ฟก็ยังช่วยเสริมสร้างการทำงานของกล้ามเนื้อ และการไหลเวียนของโลหิต[16] เพราะมีการขยับร่างกายส่วนต่างๆ และที่สำคัญเป็น 1 ในกีฬาที่ช่วยสร้างสมาธิได้ดีมากช่วยให้จิตใจและร่างกายประสานการทำงานได้ดีขึ้น ส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจ 

อย่างไรก็ตาม การตีกอล์ฟไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้สูงอายุเท่านั้น เพราะกอล์ฟเป็นกีฬาสำหรับทุกเพศทุกวัย โดยคุณพ่อและคุณแม่สามารถพาคุณลูกไปออกรอบตีกอล์ฟ เพื่อใช้เวลาร่วมกันได้ หรือใครที่ไม่สะดวกไปออกรอบที่สนามตีกอล์ฟ สามารถไปยังสนามกอล์ฟในร่มได้เช่นกัน ที่สำคัญกีฬากอล์ฟยังเป็นกีฬาที่จะช่วยให้ลูกสามารถเข้าสังคมได้ดีในวัยทำงาน หากเราฝึกกับลูกตั้งแต่ยังเด็ก ลูกจะได้ทั้งสุขภาพและมีทักษะนี้ติดตัวไปจนเติบโต

6.โยคะ

กิจกรรมเบาๆ ที่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงอย่างโยคะ ถือเป็นอีกหนึ่งกีฬาที่สามารถทำได้ทุกเพศทุกวัย โดยโยคะมีส่วนช่วยเสริมสร้างความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ สมดุลของร่างกาย และยังช่วยลดอาการปวดหลัง คอ บ่า ไหล่ และผู้ที่มีภาวะ Arthritis หรืออาการของข้ออักเสบได้ด้วย[17] ซึ่งเป็นกิจกรรมที่สามารถทำร่วมกันได้ในครอบครัว ส่งผลให้คุณพ่อและคุณแม่มีโอกาสได้ยืดกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ลดการเกิดโรคออฟฟิศซินโดรม ในขณะที่คุณลูกได้โอกาสสำหรับเสริมสร้างสมาธิและความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ

แม้ท่าโยคะหลายๆ ท่าจะดูทำตามได้ยาก แต่ก็มีท่าโยคะสำหรับเด็กที่เด็กๆ สามารถทำตามได้ เช่น ท่าดอกบัว ท่าผีเสื้อ และท่างู เป็นต้น โดยท่าเหล่านี้ไม่ได้ถูกจำกัดไว้สำหรับเด็กเท่านั้น ผู้ที่ไม่เคยเล่นโยคะมาก่อนก็สามารถทำตามได้ ซึ่งการเล่นโยคะพื้นฐานอาศัยอุปกรณ์เพียงเสื่อโยคะ และสามารถทำได้เองที่บ้าน หรือไปฟิตเนสที่มีคลาสสอนโยคะก็ได้เช่นกัน 

7.เทเบิลเทนนิส หรือปิงปอง

ผลการวิจัยพบว่าเด็กที่เล่นเทเบิลเทนนิส หรือปิงปองเป็นประจำ มีพัฒนาการของกระดูกและสมรรถภาพร่างกายที่ดีกว่า เมื่อเทียบกับเด็กที่ไม่ได้เล่นปิงปองและไม่ได้ออกกำลังกายเป็นประจำ[18] โดยคุณพ่อและคุณแม่สามารถซื้อโต๊ะปิงปอง ไม้ตี และลูกปิงปองมาไว้เล่นกับคุณลูกได้ที่บ้าน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเสริมสร้างสุขภาพที่ดีของคุณลูก รวมถึงเป็นการสร้างความทรงจำวัยเด็กที่ดีด้วย นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสที่คุณพ่อและคุณแม่จะได้ผ่อนคลายจากความเครียด และจากงานวิจัยยังสรุปประโยชน์ของการเล่นปิงปอง ดังนี้ [19]

  • เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ 
  • ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เคลื่อนไหวข้อต่อ
  • ช่วยให้ร่างกายตอบสนองเร็วขึ้น ปรับปรุงการประสานงานระหว่างมือและตาอย่างมาก
  • เสริมพัฒนาการของกระดูกในเด็ก
  • พัฒนาสมาธิและจิตใจ
กิจกรรมอินไลน์สเกต

8.อินไลน์สเกต (Inline Skate)

กีฬาอินไลน์สเกตหรือโรลเลอร์สเก็ตได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงเป็นกิจกรรมที่พ่อแม่ชอบพาเด็กไปเล่นตามในห้าง ลานกว้างที่มีให้บริการหรือเล่นภายในหมู่บ้าน และสามารถเล่นได้ทั้งทุกเพศทุกวัยตั้งแต่เด็กเล็กจนถึงผู้ใหญ่[20] นอกจากคุณและลูกจะได้การออกกำลังกายที่มีประสิทธิภาพพอๆ กับการวิ่งแล้ว คุณยังจะได้รับความรู้สึกที่ผ่อนคลายเหมือน ๆ กับการเล่นสเก็ตบอร์ด หรือ, การปั่นจักรยานออกกำลังกาย ประโยชน์ต่อสุขภาพของอินไลน์สเกต ได้แก่[21]

  • ช่วยเผาพลาญแคลอรี่ได้ถึง 350-1,000 แคลอรี่ต่อชั่วโมง
  • ทำให้หัวใจและกระดูกแข็งแรงขึ้น 
  • บรรเทาความเครียด 
  • ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล
  • ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อขาและเคลื่อนไหวข้อต่อ (เป็นกีฬาที่ปลอดภัยต่อข้อต่อ)

9.ขี่ม้า

กีฬาขี่ม้าไม่ใช่กีฬาอันตรายอย่างที่คิด หากมีคนสอนคอยให้คำแนะนำ และมีอุปกรณ์สวมใส่เพื่อความปลอดภัยที่ครบครัน เช่น หมวกกันน็อก และสนับเข่า เป็นต้น โดยกีฬาขี่ม้าช่วยให้ร่างกายได้เผาผลาญพลังงานถึง 200 แคลอรี่ ในเวลาเพียง 45 นาที[22]

สำหรับการขี่ม้าในปัจจุบัน คุณพ่อและคุณแม่สามารถพาคุณลูกไปขี่ม้าที่สนามขี่ม้าได้ โดยมีบริการให้เช่าม้าและครูผู้สอน นอกจากจะช่วยกระชับความสัมพันธ์ในครอบครัวแล้ว ช่วยเสริมสร้างประสบการณ์วัยเด็กที่ดีให้กับลูก และส่งเสริมให้ลูกมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อสัตว์ เป็นหนึ่งในกีฬาที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพจิตมากๆ ทำให้จิตใจสงบนิ่ง ผ่อนคลาย ลดความเครียด และส่งเสริมให้ลูกค้าเป็นคนกล้าตัดสินใจ[23]

10.เต้นแอโรบิค

อีกหนึ่งกิจกรรมที่ช่วยให้ออกกำลังกายได้อย่างเพลิดเพลินด้วยจังหวะของเสียงเพลง โดยการเต้นแอโรบิคช่วยเสริมสร้างการทำงานของหัวใจและปอด ช่วยให้กล้ามเนื้อและกระดูกแข็งแรงขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ร่างกายได้ปลดปล่อยความเครียด ส่งเสริมให้สุขภาพจิตดีขึ้นไปพร้อมๆ กับสุขภาพกาย[24] 

โดยการเต้นแอโรบิคสามารถทำได้เองที่บ้าน และใช้พื้นที่ไม่มากนัก อย่างไรก็ตาม คุณพ่อและคุณแม่จะชวนคุณลูกออกไปเต้นแอโรบิคที่ฟิตเนส หรือลานเต้นแอโรบิคสาธารณะก็ได้เช่นกัน

ออกกำลังกายด้วยการเต้นแอโรบิค

กระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง เริ่มได้ที่ตัวเรา

การดูแลสุขภาพให้ร่างกายแข็งแรงอยู่เสมอเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพกายหรือสุขภาพจิต โดยคุณพ่อและคุณแม่ควรหาโอกาสออกกำลังกายกับคุณลูกอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสุขภาพที่ดีทั้งครอบครัว อีกทั้งยังเป็นการกระชับความสัมพันธ์ในครอบครัว ทำให้คุณลูกได้ใช้เวลากับคุณพ่อและคุณแม่ เป็นการสร้างเสริมความทรงจำวัยเด็กที่ดี

อย่างไรก็ตาม การออกกำลังกายควรทำควบคู่ไปกับการรับประทานอาหารที่ดี ครบ 5 หมู่ และรับประทานอาหารเสริมเข้าไปช่วย เช่น โพรไบโอติก ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ดีที่มีส่วนช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันทำให้ร่างกายแข็งแรงไม่ป่วยง่าย[25]

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโพรไบโอติก ที่มีสายพันธุ์เฉพาะ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส เอชเอ็น019 (Bifidobacterium Lactis HN019) และแลคโตบาซิลลัส แอซิโดฟิลัส เอ็นซีเอฟเอ็ม (Lactobacillus acidophilus NCFM) ซึ่งมีความโดดเด่นในการปรับสมดุลระบบทางเดินอาหารและเพิ่มภูมิคุ้มกันได้ที่ลิงค์นี้

www.zenbiohealth.com/th/pro-bl8-th-โพรไบโอติก

อ้างอิง [1][2][3][4][5][6][7][8][9][10][11][12][13][14][15][16][17][18][19][20][21][22][23][24][25]

บทความที่เกี่ยวข้อง

เซนไบโอจัดแสดงสินค้าที่ สำนักวิชาเวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

22 มกราคม 2024

  |  

ข่าวสาร , กิจกรรม

เซนไบโอ ได้แนะนำ ผลิตภัณฑ์โพรไบโอติกส์ Zenbio ProBL8 ที่สำนักวิชาเวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง กรุงเทพฯ

เจาะลึกโรคซึมเศร้าและประโยชน์ไซโคไบโอติก (Psychobiotics)

11 มกราคม 2024

  |  

เคล็ดลับ ดูแลสุขภาพ

ทำความรู้จักกับโรคซึมเศร้าแต่ละประเภท สาเหตุ และอันตรายของโรค พร้อมแนะนำวิธีดูแลสภาพจิตใจพื้นฐานกับไซโคไบโอติก โพรไบโอติกช่วยโรคซึมเศร้า

โพรไบโอติกกับโรคเครียดและอาการนอนไม่หลับ

27 ธันวาคม 2023

  |  

เคล็ดลับ ดูแลสุขภาพ

ทำความรู้จักกับโรคเครียดและอาการนอนไม่หลับ สาเหตุ และอันตรายของโรค พร้อมแนะนำวิธีดูแลสภาพจิตใจพื้นฐานกับโพรไบโอติกช่วยปรับอารมณ์ ลดความเครียด และช่วยให้นอนหลับได้ดียิ่งขึ้น

8 อาหารที่ควรเลี่ยง เสี่ยงตกขาว

27 ธันวาคม 2023

  |  

ความรู้อาหาร และโภชนาการ

การมีตกขาวนับเป็นเรื่องปกติสำหรับผู้หญิง ที่มักจะเกิดขึ้นในทุกๆ เดือน ไม่ว่าจะเป็นในระหว่างช่วงรอบประจำเดือนหรือตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตาม อาการตกขาวอาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า เรากำลังมีปัญหาสุขภาพช่องคลอดก็เป็นได้

รวม 5 วิธีลดน้ำหนักง่ายๆ ด้วยการคุมอาหาร

19 ธันวาคม 2023

  |  

ความรู้อาหาร และโภชนาการ

มาสำรวจวิธีการลดน้ำหนักผ่านการควบคุมการรับประทานอาหารรูปแบบต่างๆ เพื่อประโยชน์ต่อร่างกายและสุขภาพที่แข็งแรง พร้อมรู้จักกับโพรไบโอติกลดน้ำหนัก

ซึมเศร้าอาการซ่อนเร้น…เอ๊ะ เราเป็นหรือเปล่า

29 พฤศจิกายน 2023

  |  

เคล็ดลับ ดูแลสุขภาพ

Zenbio พามาทำความรู้จักกับโรคซึมเศร้าซ่อนเร้นที่หลายคนอาจยังไม่เคยทราบแตกต่างจากโรคซึมเศร้าอย่างไร พร้อมหาคำตอบกันว่าโพรไบโอติกช่วยลดซึมเศร้าได้จริงหรือไม่